รีวิว Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings – หนังกำลังภายในพะยี่ห้อมาร์เวล
รีวิว Shang-Chi หลังจาก Marvel ประสบความสำเร็จกับการสร้างหนัง non-white hero อย่าง Black Panther ซึ่งเป็นเชื้อสายแอฟริกัน แฟน ๆ ก็คาดหวังจะได้เห็นหนังฮีโร่จากแถบฝั่งเอเชียกันบ้าง โดยประเดิมกันที่ SHANG-CHI AND THE LEGEND OF THE TEN RINGS เป็นเรื่องแรก
เส้นทางชีวิตของฮีโร่อเมริกันเชื้อสายจีน Shang-Chi หรือ Shaun (Simu Liu จาก Taken) คือความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เขาเป็นแค่เด็กจอดรถ (Valet Parking) techinfa.comทำงานกับเพื่อนซี้ดูโอของเขา Katy (Awkwafina จาก The Farewell) ทั้งสองมีความรู้ความสามารถ แต่อยากใช้ชีวิตที่มีความสุขในแบบของเธอ ไม่ใช่ตามแบบความคาดหวังของครอบครัว
แต่แล้ววันหนึ่ง ชีวิตแสนธรรมดาของ Shaun ก็สิ้นสุดลง เมื่อพ่อของเขา Xu Wenwu (Tony Chiu-Wai Leung หรือ เหลียงเฉาเหว่ย ซูเปอร์สตาร์ฮ่องกง) ส่งลูกน้องมาตามล่าสร้อยของ Shaun ที่แม่ของเขา Jiang Li (Fala Chen) เคยให้เขากับ Xialing น้องสาวของเขา (Meng’er Zhang) เอาไว้ก่อนแม่ตาย
Family Reunion นี้เกิดจาก Wenwu ผู้เป็นอมตะจากการครอบครองวงแหวนทั้งสิบ (Ten Rings) และกองทัพนักฆ่า Ten Rings ต้องการหาทางเข้าไปยังหมู่บ้านลับแล “Ta Lo” ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยาหรือแม่ของ Shaun และ Xialing เพราะเขาเชื่อว่า Ying Nan (Michelle Yeoh จาก Crazy RIch Asians) และคนในหมู่บ้านมีสิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดอยู่
YOU CAN’T RUN FROM YOUR PAST.
โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่า SHANG-CHI AND THE LEGEND OF THE TEN RINGS มีรสชาติเหมือนร้านอาหารจีนทั่วไปที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก นั่นก็คือค่อนข้างจืด แต่ในขณะเดียวกัน หนังก็มีเมนูอาหารจีนที่ไม่จืด ไม่เลี่ยน อยู่บ้างเหมือนกัน ที่เป็นหน้าเป็นตาและจุดขายของร้าน
หนึ่งในนั้นก็คือ Tony Leung ซึ่งเป็น antagonist ที่มีมิติ และการแสดงก็มีมิติ (ส่วน Michelle Yeoh, Benedict Wong, และ Ben Kingsley บทน้อยมาก มาแค่พอเป็นสีสัน โดยเฉพาะคนหลัง เหมือนพยายามใส่มาและยัดเยียดความสำคัญให้บท เพียงเพื่อให้มีดารา A-List ของฝั่งฮอลลีวู้ดมาช่วยดึงแขก)
อย่างไรก็ตาม เมนูจานเด็ดสุด ๆ ของ SHANG-CHI AND THE LEGEND OF THE TEN RINGS คือ ฉากแอ็คชั่นที่ถือว่ามัน(ส์)สะใจ และ visual สวยน่าจดจำ เช่น ฉากต่อสู้บนรถบัสที่เหมือน Speed x Fast & Furious (หรือรถเมล์สาย 8 ในตำนานของบ้านเรา) และ ฉากต่อสู้ที่สนามมวยใต้ดิน ณ วันรียูเนียน รวมถึงฉากต่อสู้ที่มีความกังฟูหรือความจีนสูง อย่างฉากการพบกันครั้งแรกของพ่อแม่พระเอก หรือฉากการซ้อมรบที่หมู่บ้าน Ta Lo แต่สำหรับฉากไฟนอลในองก์สุดท้าย เราค่อนข้างเฉย ๆ ถึงแม้หนังจะพยายามขาย CG อันยิ่งใหญ่ของมังกรแค่ไหนก็ตาม ส่วนหนึ่งอาจเพราะยังรู้สึกไม่ค่อยถูก convinced ที่ Shaun และ Katy อัพสกิลการต่อสู้อย่างก้าวกระโดดเพียงชั่วข้ามคืน จนสามารถต่อกรกับพ่อที่มีทั้ง Ten Rings และวิทยายุทธที่สะสมมานับพันปี รวมถึงมอนสเตอร์ยักษ์ในตำนานนั่นอีก
สิ่งที่เด่นกว่าพลังของ Ten Rings ในเรื่องนี้ คือพลังของครอบครัว ซึ่งมีความจีนหรือวัฒนธรรมตะวันออกอย่างสุด ๆ ตั้งแต่ความผูกพันหรือเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ, แนวคิดลูกคือผลผลิตของพ่อแม่และบรรพบุรุษ ต้อง embrace ทั้งเลือดดีเลือดชั่วของบุพการีที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้, Katy ลูกสาวคนโตของครอบครัวที่อพยพมาจากแผ่นดินใหญ่ เธอที่เกิดและโตที่อเมริกา
มีความอเมริกันชนสูงกว่าจีน แต่คนก็ยังมองหรือบูลลี่เธอในฐานะที่เธอเป็นคนจีน แถมคนในครอบครัวก็ยังคาดหวังให้เธอได้งานที่ดีและแต่งงานไว ๆ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาของวงศ์ตระกูล, และ Xialing ลูกสาวคนเล็กของตระกูล ที่เหมือนไม่มีตัวตนในบ้านและพ่อไม่อนุญาตให้เรียนศิลปะการต่อสู้เหมือนพี่ชาย จนเธอต้องแอบฝึกฝนเองและสร้างอาณาจักรของเธอเอง
ทั้งนี้ เราคิดว่า Xialing ควรได้รับความสำคัญเท่า ๆ กับ Shang-Chi เพราะเธอได้รับอิทธิพลทั้งด้านบวกและลบจากพ่อแม่และมีปมครอบครัวแทบไม่ต่างกับพี่ชาย ในพาร์ทการต่อสู้เพื่อครอบครัว เธอก็เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้พอ ๆ กับพี่ชาย แต่สุดท้ายคน… หรือแม้แต่ตัวหนังเอง….ไม่ได้ยกย่องเธอเป็นฮีโร่ แบบที่ Shang-Chi ได้เป็น หรือภาคนี้มันก็แค่ปฐมบท สุดท้าย Marvel อาจอยากจะเก็บเรื่องของเธอไปเล่าต่อในภาคหน้า ๆ รวมถึงที่มาที่ไปที่แน่ชัดของ Ten Rings เราก็ต้องรอชมกันอีกทีว่าจักรวาลฮีโร่เอเชียนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปในจักรวาล Marvel
SHANG-CHI AND THE LEGEND OF THE TEN RINGS ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ สเกลซีนแอ็คชั่นก็เหมาะแก่การชมในโรงภาพยนตร์ แต่ถ้าใครจะรอสตรีมบน Disney Plus ก็เตรียมสตรีมได้เลย ตั้งแต่ 12 พ.ย. 2021 เป็นต้นไป
เหวินหวู่ (เหลียงเฉาเหว่ย) จอมพลผู้ครองวงแหวนอำนาจทั้งสิบได้แผ่ขยายอำนาจของตนออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลในฐานะขุนพลไร้พ่ายและอำนาจของวงแหวนยังเหมือนเป็นยาอายุวัฒนะที่ทำให้เขาไม่มีวันชราและดูหนุ่มตลอดเวลา
เหวินหวู่ได้ยินเรื่องราวของ “ถาโหล” ดินแดนมหัศจรรย์ที่มีเหล่าสัตว์วิเศษและเวทมนตร์มากมายแต่กลับกลายเป็นหลี่ (ฟาลา เฉิน Fala Chen) สาวเมืองถาโหลที่เขาได้มาครองจนให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวคู่หนึ่งนาม ชาง-ชี (ซื่อมู่ หลิว Simu Liu) กับ เซี่ยหลิง (จางเหมิงเอ๋อ Meng’er Zhang)
หลังจากแม่ถูกฆ่าตายโดยศัตรูของเหวินหวู่ ชาง-ชีได้หนีไปยังซานฟรานซิสโกแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นชอว์นทำอาชีพพนักงานรับจอดรถเลี้ยงชีพคู่กับ เคที (อควาฟีนา Awkwafina) เพื่อนสาวสุดห้าวแต่เมื่อวันดีคืนดีแก๊งเท็นริงส์ของเหวินหวู่ได้ปรากฎตัวเพื่อตามเขากลับไปหาพ่อสุดอำมหิต อดีตที่ตามหลอกหลอนกำลังพาเขากลับไปยังถาโหลอีกครั้ง เพื่อปกป้องมันจากเหวินหวู่ที่ถูกอำนาจมืดครอบงำและอาจปลดปล่อยภัยร้ายที่อาจทำลายโลกใบนี้ได้ในพริบตา
ด้วยความยาวหนังร่วม 2 ชั่วโมง 12 นาที ก็นับว่า เดสติน แดเนียล เครตทัน (Destin Daniel Cretton) บริหารจัดการเวลาได้อย่างคุ้มค่าทีเดียวทั้งการใช้ซีเควนซ์แรกในการบอกเล่าที่มาของตำนานเท็นริงส์ (Ten Rings) หรือสิบวงแหวนมรณะกับที่มาที่ไปของเหวินหวู่และการถือกำเนิดของชาง-ชีและน้องสาว ต่อด้วยเหตุการณ์ปัจจุบันที่ชาง-ชีได้มาอยู่ซานฟรานซิสโกและแนะนำตัวละครตัวฮาของเรื่องอย่างเคที ก่อนจะเล่าตัดสลับไปยังดราม่าครอบครัวที่ทำให้พ่อและลูก ๆ ต้องกลับมาห้ำหั่นกันซึ่งก็เต็มไปด้วยฉากแฟลชแบ็กและอารมณ์ดราม่าเข้มข้น
แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อตัดเกรดแยกเป็นส่วน ๆ แล้วเราจะพบว่าเครตทันยังไม่สามารถทำให้ฉากแอ็กชันในหนังออกมาดูว้าวเท่าที่ควรซึ่งก็เข้าใจได้สำหรับมือใหม่ที่ถนัดแต่หนังดราม่า แต่ใช่ว่าเครตทันจะไม่รู้ตัวและแก้เกมไม่ทันนะครับตรงกันข้ามเขากลับเบนเข็มเรื่องราวให้มีความเป็นคอมเมดี้กับมุกแซวชาวเอเซียแสบ ๆ คัน ๆ ทั้งเรื่องความคาดหวังของพ่อแม่และการอวดเบ่งของกลุ่มเพื่อนซึ่งก็ได้ไปหลายฮาทีเดียวทั้งจากซื่อมู่ หลิวและอควาฟินาที่เล่นมุกกันได้เข้าขามากจนทุกซีนที่มีทั้งสองคนนี้อยู่กลายเป็นไฮไลต์ที่ทำให้หนังออกมาสนุกและไม่น่าเบื่อเลย แม้อควาฟีนาจะหมั่นขโมยซีนจนซื่อมู่ หลิวดูหม่นไปหลายซีนก็ตาม
อีกหนึ่งนักแสดงที่ถือเป็นไฮไลต์และถูกพูดถึงอย่างมากคือการแสดงฝีมือของนักแสดงเอเซียที่เพิ่งประเดิมงานฮอลลีวูดอย่างเหลียงเฉาเหว่ยที่ทำให้บทเหวินหวู่ดูมีมิติมีเลือดมีเนื้อมากกว่าผู้ร้ายบ้าอำนาจแบน ๆ ซึ่งเฮียเหลียงก็ยังคงฝีไม้ลายมือและละเอียดกับแอ็กติงทุกเม็ดจนสมแล้วที่นักวิจารณ์จะชื่นชมและยกย่องการแสดงของดาราระดับตำนานของฮ่องกงรายนี้ แต่กระนั้นดู ๆ ไปก็รู้สึกเหมือนกันว่าเฮียเหลียงแกแอบบดบังรัศมีพระเอกอย่างซื่อมู่ หลิวไม่น้อยเลย ซึ่งลำพังแค่เจออควาฟีนาขโมยซีนก็แทบจะทำให้พระเอกของเราดูจืดไปมาพอแล้ว
นอกจากนี้หนังยังมีการปรากฎตัวของนักแสดงเอเซียชื่อดังอย่าง มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) ที่มารับบทหยิงหนาน ป้าของชาง-ชีกับเซี่ยหลิง และก็ได้โชว์ลีลาร่ายรำไทเก็กอันอ่อนช้อยในหนังด้วย ส่วนฟาลา เฉิน ดาราเชื้อสายจีนระดับอินเตอร์ แม้จะมาไม่นานแต่ก็จับสายตาผู้ชมด้วยความงามและฝีมือการแสดงในฉากแฟลชแบ็กที่น่าจะทำให้หลายคนนึกถึงแม่ในวัยเด็กไม่น้อย ส่วนจางเหมิงเอ๋อในบทเซี่ยหลิงก็มีใบหน้าที่เก๋ไก๋และอาจจะมีบทบาทสำคัญในเอ็มซียู (MCU) เฟส 4 ต่อไปไม่แพ้ตัวละครชาง-ชีเลยทีเดียว
รวมไปถึงฉากโปรโมตของหนังทั้งฉากต่อสู้ในรถเมล์ที่กำลังวิ่งอยู่ก็แทบจะเป็นการคารวะ ‘The Police Story’ หรือ ‘วิ่งสู้ฟัด’ ของเฉินหลงและแน่นอนว่ามันต้องมีฉากบู๊ฉากบังคับที่มาเก๊าอย่างการปีนป่ายบนไม้ที่เราคุ้นตามาจากหนังเฉินหลงในฮอลลีวูดอย่าง ‘Rush Hour2’ ซึ่งก็ทำให้เห็นว่าทีมเขียนบทของหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวลเรื่องนี้น่าจะเป็นแฟนหนังจีนตัวยงเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่ต้องบอกว่าหนังจบแล้วอย่าพึ่งรีบลุกเพราะมันมีฉากแถมทั้งในช่วงระหว่างขึ้นเอนด์เครดิตและฉากหลังเครดิต ซึ่งมันมีหน้าที่ทั้งต้อนรับสมาชิกอย่างชาง-ชีและบอกความเป็นไปของตัวละครในเรื่อง ซึ่งอันที่จริงหนังยังแอบจิกกัดหนังในเอ็มซียูเองด้วยการปรากฎตัวของนักแสดงรับเชิญคนหนึ่งแต่เป็นใครไปดูกันในโรงหนังเอาเองแล้วกันนะ แต่รับรองว่าโคตรปั่น