
พาณิชย์ กระชับสัมพันธ์”รมต.การค้าเปรู” ดันนโยบาย FTA ให้จบภายในปี 68
“พาณิชย์” กระชับสัมพันธ์ “รัฐมนตรีการค้าเปรู” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทยกับเปรู และเร่งรัดการสรุปผลการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย–เปรู
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือทวิภาคีกับนางสาวเทเรซา เมรา (Ms. Teresa Mera) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเปรู ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเปค (APEC Ministerial Meeting) ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทยและเปรู ตลอดจนติดตามประเด็นการเจรจาภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย–เปรู (Thailand–Peru FTA) เพื่อหารือแนวทางผลักดันการสรุปผลการเจรจาฯนางศุภจี เปิดเผยว่า เปรูเป็นคู่
ค้าและตลาดที่สำคัญของไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้ โดยในปี 2567 มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยและเปรูอยู่ที่ 540.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 9.68 สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตทางการค้าระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปี 2568 ยังถือเป็นปีแห่งความสำคัญเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเปรู ซึ่งทั้งสองประเทศพร้อมใช้โอกาสนี้ต่อยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในทุกมิติ
นางศุภจี ยังกล่าวว่า ทั้งไทยและเปรูได้ย้ำถึงความเป็นพันธมิตรทางการค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น (Framework Agreement on Thailand–Peru Closer Economic Partnership) ซึ่งได้จัดทำร่วมกันมาแล้วกว่า 20 ปี และเห็นพ้องในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ ที่มีอยู่ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ทั้งในภาคเกษตร อาหารแปรรูป และโครงสร้างพื้นฐาน โดยปัจจุบันเปรูเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้ รองจากบราซิล อาร์เจนตินา และชิลี ตามลำดับ
นางศุภจี ได้เน้นย้ำกับฝ่ายเปรูว่าการเร่งรัดให้การเจรจา FTA ไทย-เปรูฉบับสมบูรณ์ให้สามารถสรุปผลได้โดยเร็วนั้น จำเป็นต้องร่วมกันผลักดันในระดับนโยบาย พร้อมตั้งเป้าให้การเจรจาบรรลุผลภายในปี 2568 ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและเปรูให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พาณิชย์ กระชับสัมพันธ์
นางศุภจี กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยยังพร้อมสนับสนุนให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มโลจิสติกส์และการขนส่งใช้ประโยชน์หรือเข้าไปลงทุนที่ท่าเรือชางไค (Port of Chancay) ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกเปิดใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้และเป็นโครงการร่วมทุนกับจีน เพื่อเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญระหว่างทวีปอเมริกาใต้และเอเชีย ช่วยให้การขนส่งสินค้าระหว่างกันสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถลดต้นทุนการขนส่งให้กับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคลาตินอเมริกา
สำหรับการค้าไทย-เปรู ในช่วงมกราคม-สิงหาคม ปี 2568 เปรูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 61 ของไทย (ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 28 ของเปรู) มีมูลค่าการค้ารวม 362.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12,024.55 ล้านบาท) ไทยได้ดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 189.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6,265.41 ล้านบาท) โดยส่งออกไปเปรูเป็นมูลค่า 276.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9,144.98 ล้านบาท) สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ ขณะที่ไทยนำเข้าจากเปรูเป็นมูลค่า 86.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,879.57 ล้านบาท) สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็งแปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ อาทิ บลูเบอร์รี่ aussie-gamer












Leave a Reply